มีเ งิน มากเท่าไหร่ ถึงเรียกว่าร ว ย อ่ า นแล้วมีสติมากขึ้น

ใครหล า ยๆคนย่อมเคยฝันว่า อย ากร ว ย แต่คำว่าร ว ยนั้นก็อาจเป็นจำนวนเ งิน ที่ แตกต่างกันไปต ามทัศนคติของผู้คน 2 ล้ า น, 10 ล้ า น, 100 ล้ า น, 1,000 ล้ า น หรือมากกว่านี้

ก็เรียกว่าร ว ยได้ทัั้งนั้น สิ่งที่สำคัญกว่าจำนวนเ งิน ที่อย ากมีคือ เป้าหมายในชีวิตของแต่ละคนว่ามี อะไรบ้าง แล้วแต่ละเป้าหมายต้องใช้เ งิน เท่าไหร่ เมื่อไหร่ต่างหาก

เมื่อเราพูดเรื่องความ ร ว ย หล า ยๆคนก็จะไปให้ความสนใจเรื่องการหา ร า ยได้ เป็นหลักเสมอเลย ซึ่งก็ไม่ใช่ความคิดที่ผิ ดเลยว่า ถ้าเราอย าก

จะร ว ย ปัจจัยหนึ่งที่ต้องมี คือ ความสามารถในการหาร า ยได้ แต่หล า ยๆ คนกำลังมองข้ามจุดที่สำคัญมากที่สุดไป นั่นก็คือ เรื่องของร า ยได้

นั่งกินกาแฟอยู่ที่ร้านกาแฟเจ้าประจำ ผมชอบนั่งโต๊ะติดกับกระจกหน้าร้าน ที่สามารถมองวิวจากภายนอ ก และมองเห็นคน

ใช้ชีวิตประจำวันบนถนน บางคนเดิน บางคนวิ่ง บางคนคุย บางคน ท ะ เ ล า ะ บางคนเดินไปโทรศัพท์ไป ดูแล้วก็เพลินไปอีกแบบ

มันเหมือนกับการได้หยุดนิ่ง หยุดดูคนรอบๆตัวเราเคลื่อนไหว ในจังหวะชีวิตแบบคนเมือง

จังหวะชีวิตที่เร่งรีบ เหมือนกับเราก่อนหน้าที่จะเข้ามานั่งกินกาแฟในร้าน เคยถามตัวเองเหมือนกันว่าทำไมคนเราต้องรีบ

ทำไมคนถึงต้องรีบกิน รีบเดิน รีบไปทำงาน รีบไปหมด ถ้ามองให้ลึกถึงภาพใหญ่ ผมว่าหล า ยคนรีบแม้กระทั่งการใช้ชีวิต

รีบเรียนจบ รีบหางานทำ รีบให้ได้เลื่อนตำแหน่ง รีบแต่งงาน รีบมีลูก รีบซื้ อบ้าน รีบซื้ อรถ ทุกอ ย่ างเรารีบไปหมด ราวกับว่าเวลา 24 ชั่ วโมงมีไม่เคยพอ

แต่ทุกวันนี้ พออายุมากขึ้น มันก็ทำให้ผมเริ่มมีคำตอบที่ชัดเจนว่า การเร่งรีบในการใช้ชีวิตนั้น เกิดจากความกลัว

ความรู้สึกไม่มั่นคงในชีวิต อ ย า กได้ อ ย า ก มี ในทุกสิ่งที่มาเติมเต็มช่องว่างทางอารมณ์ของจิตใจ

เช่น อ ย า ก เลื่อนขั้นเพราะต้องการเ งิน เดือนเพิ่ม อ ย า ก ได้เ งิน เดือนเพิ่มเพราะ อ ย า ก

มีคอนโด, อ ย า ก แต่งงานเพราะต้องการคน มาอยู่ด้วย, อ ย า ก มีรถเพราะจำเป็นต้องใช้ อ ย า ก มีรถคันใหม่เพราะเห็นคนอื่นๆมี เป็นต้น

ทุกอ ย่ างล้วนเกี่ยวข้ องกับจิตใจ และเ งิน ทองแถบทั้งสิ้น เพราะเ งิน สามารถบันดาลให้ได้ทุกสิ่ง

สร้างการยอมรับ สร้างความสุข สร้างความปลอ ดภั ย จึงทำให้เราต้องรีบออ กไปแสวงหาเ งิน มาครอบครอง เพื่อสร้างฐานะ สร้างความร่ำร ว ย

จึงเกิดคำถามที่ต ามมาว่า มีเ งิน เท่าไหร่ถึงจะเรียกว่าร ว ย ประเด็นนี้เคยนั่งคุยกับเพื่อนเล่นๆว่า

มีเ งิน เท่าไหร่ถึงจะเรียกว่าร ว ย บางคนว่า 5 ล้ า น 10 ล้ า น บางคนว่า 100 ล้ า น 1000 ล้ า น ก็ต่างมีเหตุผลกันไป

แต่สุดท้ายแล้วตัวเลขนั้นก็ไม่มีที่สิ้นสุด เพราะเมื่อเรามีเ งิน ถึงที่ฝัน มันก็ย่อมมีคนที่มีมากกว่า ทำให้เรารู้สึกว่า ไอ้ที่เรามีนั้น มันน้อยเกินไป มีแล้วยังไม่พอ

เคยทีร า ยการทีวีของฝรั่งร า ยการหนึ่งไปสัมภาสมหาเ ศ ร ษ ฐีพันล้ า นชาวอเมริกันคนหนึ่งว่า มีเ งิน เยอะขนาดนั้นแล้วมีความสุขดีไหม

มหาเ ศ ร ษ ฐีคนนี้ตอบกลับมาว่า เขาไม่ได้รู้สึกว่าเลขศูนย์ที่เพิ่มขึ้น มาในบัญชีท รั พ ย์สินทุกๆปี มีความหมายอะไรตั้งแต่มันเริ่มมีมากจนเขาจำไม่ได้ เป็นการเลี่ยง

ประเด็นที่จะตอบคำถาม เพราะถ้ามองในหมวกของคนธรรมดาเ ศ ร ษ ฐีคนนี้ก็ไม่น่าจะมีความสุขที่แท้จริงได้ เหมือนรอยยิ้มที่ พ ย า ย า ม จะนำเสนอผ่านกล้องโทรทัศน์

เพราะทั้งลูกชาย ลูกสาวต่างเป็นเซเลปคนดังที่ ชอบปาร์ตี้และ ติ ด ย า ภรร ย าหลวง

ก็เป็น บ้ า ฆ่ า ตั ว ต า ย ภรร ย าใหม่ก็กำลังขอหย่า ตัวเขาเองถึง

จะมีเ งิน มากแต่ก็มี ค ดี ฟ้ อ ง ร้ อ ง เกี่ยวกับธุรกิจ มากมายในศาล

ดังนั้นบางทีเรา อาจจะต้องลองคิดทบทวนดูใหม่ ว่าจริงๆแล้วความสุขในชีวิตของตัวเราคืออะไร และสิ่งใดที่จะเป็นตัวสร้างความสุขให้กับชีวิตที่แท้จริง ที่ไม่ใช่ได้มาเพราะเ งิน สิ่งหนึ่งที่ผมเรียนรู้ในชีวิต

คือบางทีเราอาจจะไม่จำเป็นที่จะต้องขวนขวายหาวิ ธีสร้างเ งิน สร้างท รั พ ย์สินให้มากมาย เพื่อที่จะเป็นคนร ว ย สิ่งที่เราควรทำ น่าจะต้องเป็นการเปลี่ยน

มุมมอง หาวิ ธีคิดที่จะแสวงหาความสุขง่ายๆ ความสุขที่แท้จริง ความสุขร า ค าถูกที่ไม่ต้องแลกมาด้วยเ งิน มากมาย อยู่อ ย่ างพอเพียง พอ ดี น่าจะดีกว่า

ปิดท้ายก่อนจะออ กจากร้าน เป็นภาพที่ นิ ย า ม ความสุข ในชีวิตจริงของคนเดินถนนธรรมดาได้เป็นอ ย่ างดี สิ่งที่ผมเห็นคือ ภาพผู้ชายวัยกลางคน กำลังนั่ง

ป้อนขน มลูกสาว อยู่ที่ป้ายรถเมล์ สังเกตจากรอยยิ้ม และเ สี ยงหัวเราะของพ่อลูกคู่นี้ ผมว่าช่วงเวลานั้น เ งิน ทองมากมายก็ไม่อาจจะหาซื้ อความสุขแบบนี้ได้ครับ

ที่มา  sabailey