ปัจจุบันการศึกษายังเป็นสิ่งสำคัญกับทุกคน แต่การที่มีคนเรียนไม่เก่ง อย่ าพึ่งไปตัดสินเขาว่าเขาเป็นคนที่โ ง่ วันนี้เราก้มีบทความที่อยากจะมาแนะนำคุณเกี่ยวกับ เรียนไม่จำเป็นต้องเก่ง และไม่ได้แปลว่าเป็นคนโ ง่ ไปดูกันว่าคนที่เขาเรียนไม่เก่ง ทำไมเขาถึงไม่ใช่คนที่โ ง่
เด็กเรียนไม่เก่งไม่ได้แปลว่าเขาโ ง่ เพียงแต่ความสามารถเขาไม่ตอบโจทย์ระบบการวัดผลการศึกษาในประเทศ ใช่ การศึกษาเป็นสิ่งสำคัญ แต่การประเมินคุณภาพของเด็กสักคนไม่ควรดูจากผลลัพธ์คะแนนสอบเพียงอย่ างเดียว เพราะปัจจุบันตัวแปรด้านการใช้ชีวิตและความสามารถนั้น มีมากมาย ในระบบการศึกษาที่เหมือนจะเป็นตัวชี้วัดการท่องจำมากกว่าการเรียนรู้ที่เปิดกว้าง
ผู้ใหญ่หล า ยคนต่างพบเจอความสามารถเฉพาะทางของเด็กหล า ยคนแต่เลือ กที่จะปล่อยผ่านหรือมองข้าม เพื่อตีกรอบให้เด็กหมกมุ่นอยู่กับตำราเรียนตรงหน้าเท่านั้น เชื่อว่ามนุษย์นั้น มีความสามารถหลากหล า ยด้านแตกต่างกันไป มีความโดดเด่นหล า ยอย่ างที่ผู้ใหญ่มองข้ามเพราะอาจมองว่าเป็นเรื่องไม่จำเป็นต่ออนาคตของเด็ก ทั้งที่จริงแล้วหากมีการผลักดันอย่ างถูกจุดความโดดเด่น
ทางความสามารถทั้งหล า ยแหล่เหล่านั้นอาจเป็นพ ลั งที่มีความแข็งแรงได้ในอนาคต อีกหนึ่งสิ่งที่คอยบั่ น ท อ นกำลังใจของเด็กส่วนใหญ่คือ ขนบนิยมการเลือ กเชิดชูใครคนใดคนหนึ่งเพียงเพราะทำคะแนนสอบได้สูงกว่าคนอื่น ดังจะเห็นได้จากการปิดป้ายประกาศหน้าโรงเรียน ซึ่งอาจส่ งผลต่อความมั่นใจและเกิดการดูถูกตัวเองของเด็กที่ถนัดในด้านอื่นนอ กเหนือจากวิช าการต ามตำรา
ทำให้พวกเขาเหล่านี้รู้สึกไร้ที่ยืนแม้จะเปี่ยมไปด้วยความสามารถของตัวเอง และไร้ซึ่งการเหลียวแล ทุกคนเกิดมาแตกต่างกัน แน่นอนว่าไม่มีใครเหมือนกันร้อยเปอร์เซน ทุกคนเกิดมาแตกต่างกัน มีพรสวรรค์ที่น่าทึ่งอยู่ในตัว ไม่มีใครที่ไร้ประโยชน์แบบหมดจด และจะเห็นได้ชัดเลยว่าสังคมการทำงาน ความสามารถในเชิงวิช าการเพียงอย่ างเดียวไม่สามารถช่วยให้คุณต่อสู้กับปัญหาได้อย่ างมีประสิทธิภาพพอ เช่น
-เก่งด้านภาษา ถนัดการพูด ฟัง เขียน ได้อย่ างเข้าใจและเรียนรู้เร็ว
-เก่งด้านตรรกศาสตร์คณิตศาสตร์ มีความสามารถด้านการคิดคำนวณ หาเหตุผล หรือด้านสถิติ
-เก่งด้าน มิติสัมพันธ์ ชื่นชอบในด้านรูปแบบหรือรูปทรง
สามารถสร้างภาพต่าง ๆ ในหัวได้ชัดเจน และถ่ายทอ ดออ กมาได้ดีผ่านผลงาน
-เก่งด้านธรรมช าติ ชอบการสังเกต มีความคิดเชื่อมโยงกับธรรมช าติ ตั้งคำถามและเหตุผลที่มาของสิ่งต่าง ๆ
-เก่งด้านร่ า ง ก า ย มีความแข็งแรง คล่องแคล่ว ใช้ร่ า ง ก า ยในการแสดงออ ก
เหล่านี้เป็นต้น ดังนั้นสามารถพูดได้อย่ างเต็มปากว่า ‘เด็กไทยไม่ได้โ ง่’ เพียงแต่ข า ดอิสระในการแสดงความสามารถที่โดดเด่นของตัวเอง เพราะการสร้างกระบวนการประเมินและชี้วัดความรู้เด็กจากเพียงข้อสอบ และการชักจูงอย่ างผิดทางจากพ่อแม่ คล้ายกับการบังคับให้ปลาปีนต้นไม้
ทั้งที่ปลาตัวนั้นถนัดว่ายน้ำเป็นที่สุด เชื่อเถอะว่า ถ้าเด็กได้เลือ กทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ และสังคมหรือคนรอบข้างส่ งแรงผลักดัน การเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้าของเด็กเหล่านี้ จะใช้ความสามารถที่แตกต่างกันนี้ช่วยกันผลักดันสังคมให้ก้าวไปข้างหน้าได้อย่ างมีประสิทธิภาพ
ที่มา t o n k i t 3 6 0, j i n g j a i 9 9 9