คนบางคนเกิดมาก็จนพออยู่แล้วแต่ยังจะทำตัวนิสัยแย่ๆที่ไม่พาตัวเองเจริญอีก แบบนี้จะหาความร ว ยได้จากที่ไหน หล า ยคนอาจจะคิดว่าแล้วนิสัยแบบไหนบ้างละที่ทำให้เรายิ่งจน วันนี้เราจะพาไปดูนิสัยเหล่านี้กัน
1. ห นั กไม่เอา เบาไม่สู้
ความจน น่ากลัวกว่าที่คุณคิด ถ้าหากคุณลองถามมหาเ ศ ร ษ ฐีทุกคนที่เริ่มต้นจากศูนย์ แต่ขยันทำมาหากิน พัฒนาตนเอง และกล้าก้าวข้ามความเหน็ดเหนื่อยจนกระทั่งสร้างตัวจนร่ำร ว ย
พวกเขาเหล่านั้นจะตอบเป็นเ สี ยงเดียวกันว่า ไม่อย า กกลับไปจนอีก แต่สำหรับหล า ยคนที่ยังเป็น มนุษย์เ งิ นเดือน หรือ เพิ่งเริ่มธุรกิจส่วนตัว แต่ยังไม่สู้งานห นั ก
ไม่พร้อมกลับบ้ า นดึก หรือเดินหนีปัญหาที่อยู่ตรงหน้าที่ควรรับผิ ดชอบ ก็คงย า กที่จะพัฒนาไปสู่ความมั่งคั่งทางการเ งิ น เพราะโอกาสทองมาพร้อมหย า ดเหงื่อเสมอ
2. กลัวการตั้งเป้าหมายในชีวิต
การพุ่งชนเป้าหมาย อาจเป็นเรื่องน่ากลัวสำหรับบางคน เช่น คนที่ตั้งเป้าว่าจะ ปลดห นี้ แต่กลัวการเห็นเ งิ นในบัญชีพร่องลงจากการชำระห นี้ตรงต ามเวลา หรือไม่มีวินัยในการปลดห นี้ จึงทำให้เลี่ยงการชำระห นี้ จนเป็นเหตุให้ต้องแบกรับภาระด อ ก เ บี้ ยที่เพิ่มขึ้น
หรือบางคนตั้งเป้าหมายว่าจะเก็บเ งิ น 10-20เปอร์เซน จากเ งิ นเดือนเป็นประจำ แต่กลับถอ ดใจเพราะเห็นสินค้ าที่ชอบกำลังลดร า ค ากระหน่ำ ทำให้ต้องควักเ งิ นซื้ อ มาจนได้และเป้าหมายที่อย า กเก็บเ งิ น
จึงล้มเ ห ล วไม่เป็นท่า ความล้มเ ห ล วที่คนเหล่านี้ประสบคือ ความกลัวเป้าหมายที่ตนอย า กทำ หรือ ไม่กล้ามีเป้าหมาย เพราะกลัวทำไม่ได้ จึงเป็นอุปสรรคสำคัญที่จะทำให้ชีวิตของคุณพังและไม่สามารถหลุดพ้นความจนได้สักที
3. คิดมากจนก้าวสู่ความขี้ขลาด
คนคิดมากกับคนรอบคอบนั้นต่างกัน คนคิดมากจะไม่ลำดับข้อมูลที่ควรนำมาไตร่ตรอง แต่จะนำทุกปัญหามารวมกันจนทำให้ไม่เห็นทางออ ก แต่คนที่คิดรอบคอบจะคิดเป็นเรื่องๆ
และลำดับความสำคัญว่าเรื่องใดควรมาก่อน มาหลัง ทำให้คิดเป็นกระบวนการและได้คำตอบในแต่ละปัญหาอ ย่ างรวดเร็ว ซึ่งคนประเภทที่คิดมากเมื่อทำธุรกิจ จะไม่กล้าวางแผนในการต่อยอ ดธุรกิจเพื่อสร้างกำ ไ ร เพราะกลัวความล้มเ ห ล ว ทำให้เ สี ยโอกาสสำคัญที่ทำให้ธุรกิจเติบโต
หรือคนที่คิดมากเมื่อทำงานเป็น มนุษย์เ งิ นเดือน จะกลัวการแสดงความคิดเห็น หรือ ไม่กล้าที่จะทำงานย า กๆ เพื่อพัฒนาตนเอง ซึ่งเป็นเพราะการไตร่ตรองโดยใช้ทุกความคิดมารวมกัน จนกล า ยเป็นความกังวล หรือ ขย า ยจนเป็นความขี้ขลาด ที่จะรับผิ ดชอบงานที่ใหญ่ขึ้น ทั้งๆ ที่โอกาสมาอยู่ตรงหน้า
4. ใช้ชีวิตเกินค่าครองชีพ
หล า ยคนใช้ชีวิตอ ย่ างฟุ่มเฟือย ทั้งจับจ่ายต ามใจชอบ ซื้ อ ของที่อย า กได้ หรือแม้แต่ยอมเป็นห นี้บัตรเครดิต เพียงเพื่อต้องการซื้ อ สิ่งของที่ไม่จำเป็น มาประดับชีวิตคุณให้ดูดี
และ ดูมี เหมือนคนอื่น คนอื่นที่ว่าอาจทำได้ เพราะสถานะทางการเ งิ นของเขาอาจมั่นคงหรือพร้อมกว่า แต่การใช้เ งิ น เกินค่าครองชีพที่จำเป็น เช่น กาแฟแก้วละ 35-40 บาท กับ กาแฟแก้วละ 100-170 บาท ร า ค ากาแฟแก้วละเท่าไหร่
ที่คุณรู้สึกว่าซื้ อ ง่ายจ่ายสบายใจได้ทั้งเดือน นั่นคือร า ค ากาแฟที่เหมาะกับค่าครองชีพที่คุณแบกรับไหว หากรู้สึกว่าห นั กใจที่จะจ่ายแต่อย า กซื้ อ นั่นคือสัญญาณอั น ต ร า ยทางการเ งิ นที่คุณกำลังใช้เกินตัวอยู่
5. ผัดวัน ไม่มีวินัย ชิลไปวันๆ
สโลว์ไลฟ์ คือชีวิตคนที่มีฐานะทางการเ งิ นพร้อมพรั่งเท่านั้น จึงจะพร้อมสำหรับการนั่งจิบกาแฟเรื่อยๆ ท่องเที่ยวแบบไม่เร่งรีบ บินไปเที่ยวเมื่ออย า กไป ใช้เ งิ นซื้ อ
ความสะดวกสบายเท่าที่สบายใจ แต่กลับมาก่อน คุณยังเป็นห นี้ คุณยังไม่มีการเ งิ นที่มั่นคง คุณยังไม่มีความสะดวกมือในการจับจ่าย เพราะคุณยังไม่มีวินัยทางการเ งิ นที่ดีและรัดกุม
ที่สำคัญ คุณยังทำงานและเก็บเ งิ นแบบผัดวันประกันพรุ่งอีกด้วย การเรียบเรียงชีวิตใหม่ จัดลำดับความสำคัญ 1 2 3 ว่าเป้าหมายที่คุณต้องการในชีวิตคืออะไร จะทำให้คุณวางแผน ไม่หยุดพัฒนาตัวเอง และสร้างวินัยให้กับชีวิตที่ต้องการได้เร็วขึ้นเป็นเท่าตัว
6. ไม่สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่น
ไม่มีใครสามารถทำงานคนเดียวได้ แม้แต่อาชีพฟรีแลนซ์ ก็ยังต้องมีคอนเน็คชั่นเพื่อสร้างงานคุณภาพให้ประสบความสำเร็จ เมื่อคุณต้องทำงานร่วมกับผู้อื่นในทีม สิ่งสำคัญไม่ใช่ผลงานที่ประสบความเร็จต ามเป้า แต่คือประสิทธิภาพในการประสานงานให้เกิดผลลัพธ์สูงสุดต ามที่ตั้งเป้าไว้
หล า ยคนพลาดโอกาสสำคัญในการก้าวหน้าหรือเลื่อนตำแหน่งงาน เพราะไม่สามารถปฏิสัมพันธ์กับผู้ร่วมงานคนอื่นได้ จึงทำให้ผู้บริหารเห็นว่าคุณยังไม่เหมาะสมจะเลื่อนตำแหน่ง หรือ หากคุณทำธุรกิจอยู่ ก็คงจะติดขัดอ ย่ างแน่นอน หากต้องร่วมทุนกับพาร์ทเนอร์เพื่อขย า ยธุรกิจ แต่คุณกลับทำตัวเป็นพระเอกอยู่คนเดียว และเที่ยวบอ กใครๆ ว่าคุณทำงานนี้สำเร็จทั้งๆ ที่เป็นผลจากการทำงานร่วมกันของทีมงาน
ที่มา sabailey