4 สิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อพ่อแม่สปอยล์ ลูกมากจนเกินไป

วันนี้เราอย ากที่จะพาเพื่อนๆ ไปเรียนรู้สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อพ่อแม่สปอยล์มากเกินไป กับบทความ 4 สิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อพ่อแม่สปอยล์ ลูกมากจนเกินไป ไปดูกันว่าอะไรจะเกิดกับลูกของเราบ้าง

พ่อแม่ทุกคนรักลูก แต่การรักลูกโดยการต ามใจลูกจนเกินพอ ดี อาจกล า ยเป็นพ่อแม่รังแกฉัน มีผลต่อพฤติก ร รมของลูกเมื่อโตขึ้น เช่น เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล ตัวเองถูกเสมอ คนอื่นสิผิด หรือเอาแต่ใจตัวเอง อย ากได้อะไรต้องได้ ซึ่งอาจสร้างปัญหาให้ลูก เมื่อต้องอยู่ร่วมกับคนอื่นนอ กบ้าน หากไม่อย ากให้ลูกเสียคน พ่อแม่ต้องหยุดพฤติก ร รมเหล่านี้ให้ได้

มาดูกันว่า ลูกของเรานั้น เข้าข่ายเป็นเด็กที่โดนสปอยล์หรือไม่

ต ามที่ สถาบันกุมารเวชศาสตร์จากประเทศสหรัฐอเมริกา ได้นิย ามอาการของเด็กที่ถูกสปอยล์ ไว้ว่า เด็กในกลุ่มนี้ มักจะเป็นเด็กที่เอาแต่ใจตนเอง มีพฤติก ร รมที่ถดถอย ( ทำในสิ่งที่เด็กในวัยนั้น ๆ ไม่ทำกันแล้ว ) แต่พ่อแม่หล า ยคนอาจสับสน ว่าพฤติก ร รมที่ลูกกำลังทำนั้น เรียกได้ว่าเป็นเด็กที่ถูกสปอยล์หรือไม่ หรือเป็นเพียงพฤติก ร รมที่ปกติในช่วงวัยนั้น ๆ มาดู เช็กลิสต์อาการลูกถูกสปอยล์กัน

– หลงตัวเอง หมกมุ่นอยู่กับการโอ้อวดตัวตนของตนเอง

– ไม่มีความเคารพผู้ใหญ่และเด็กคนอื่น ๆ

– ไม่เชื่อฟังคนอื่น ทั้งที่บ้านและที่โรงเรียน

– มีอารมณ์แปรปรวน

– ไม่มีแรงจูงใจในการเริ่มทำสิ่งใหม่ ๆ

– ไม่สามารถอยู่คนเดียวได้

– จอมบงการ

4 พฤติก ร รมพ่อแม่จอม ‘สปอยล์ลูก’

1 ให้ลูกเป็นทุกลมห า ยใจของพ่อแม่

เมื่อมีลูก พ่อแม่หล า ยคนก็ได้อุทิศชีวิตทั้งชีวิตให้กับลูก เป็นทุกอย่ าง ทำทุกอย่ าง คิดทุกอย่ างให้ลูก จนลูกไม่มีชีวิตเป็นของตัวเอง พ่อแม่กลุ่มนี้ จะไม่อยู่ห่างจากลูก ยอมทิ้งทุกสิ่งอย่ างเพื่อทำต ามสิ่งที่ลูกต้องการ และทำให้ลูกเป็นศูนย์กลางจักรวาล

2 ชดเชยความผิดของพ่อแม่ด้วยสิ่งของ

เช่น พ่อแม่ที่ต้องทำงาน มักจะรู้สึกผิดที่ไม่ได้ใช้เวลาอยู่กับลูกได้มากพอ จึงซื้ อของเล่นให้ลูกเยอะ ๆ เพื่อชดเชยความผิดนี้ การทำแบบนี้ สอนให้เด็กรู้ว่า เมื่อคนอื่นทำอะไรผิด เขาจะได้รับสิ่งของเป็นการตอบแทน สำหรับพ่อแม่ที่ต้องทำงานนอ กบ้าน ไม่ต้องกังวลใจไปว่าการมีเวลาอยู่กับลูกเพียงเล็กน้อย จะทำให้ลูกมีปัญหา เพียงแค่คุณพ่อคุณแม่ใช้เวลาคุณภาพอยู่กับลูก โดยการหากิจก ร รมทำร่วมกัน และช่วงเวลาที่อยู่กับลูก ให้คุณพ่อคุณแม่โฟกัสไปที่ลูกเพียงอย่ างเดียว ไม่หยิบมือถือ ไม่คิดเรื่องงานหรือเรื่องอื่น ๆ แม้จะเป็นการใช้เวลาร่วมกันเพียงน้อยนิด แต่ก็ช่วยเติมเต็มให้ลูกได้มากกว่าการอยู่กับลูกทั้งวัน แต่พ่อแม่ไม่สนใจลูกอีกค่ะ

3 ใช้ชีวิตแทนลูก

พ่อแม่กลุ่มนี้จะวางแผนชีวิตให้ลูก บงการให้ลูกใช้ชีวิตแบบที่ตัวเองเลือ กไว้เท่านั้น ลูกจะไม่สามารถใช้ชีวิตในแบบที่ตนเองเลือ กได้ และพ่อแม่กลุ่มนี้จะเตรียมทุกสิ่งทุกอย่ าง ให้เป็นไปต ามที่พ่อแม่ได้วาดฝันไว้ ว่าจะให้ลูกเป็นหรือให้ลูกมี การให้ลูกเรียนในสิ่งที่ตัวเองเคยอย ากจะเรียน หรือ การซื้ อของให้ลูก เพราะในวัยเด็กตนเองอย ากได้ ก็เป็นหนึ่งในการสปอยล์ลูกอย่ างหนึ่ง เพราะการไม่ถามว่า ลูกอย ากได้หรืออย ากเรียนสิ่งนั้นหรือไม่ ก็เรียกได้ว่าเป็นการใช้ชีวิตแทนลูก

4 ไม่เคยปล่อยให้ลูกรอ

เมื่อลูกอย ากได้อะไร ชี้อะไร สิ่งของเหล่านั้นจะมาอยู่ตรงหน้าลูกทันที พฤติก ร รมที่พ่อแม่ทำนี้ จะทำให้ลูกไม่รู้จักการรอคอย การอ ดทน การอ ดออม เพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการมาเป็นของตน ลูกจะไม่เห็นสิ่งอื่น ๆ มีค่า เพราะไม่เคยต้องอ ดทนรอคอยเลย บางครั้งการปล่อยให้ลูกได้หิว ร้อน เหนื่อยบ้าง จะทำให้ลูกรู้ว่า อาหารที่อยู่ตรงหน้าอร่อยเพียงใดก็เป็นได้ ต้องเข้าใจว่า เด็กก็คือเด็ก ในบางครั้งลูกอาจจะงอแง อย ากมี อย ากได้ ต ามวัยของเขา และพ่อแม่ทุกคนก็ไม่อย ากเห็นลูกเสียใจหรอ กค่ะ เพราะเราทั้งรักและห่วงลูกเป็นที่สุด แต่จะต ามใจลูกได้แค่ไหน เพื่อไม่ให้ลูกโดนสปอยล์จนเสียคน

4 เทคนิคเลี้ยงลูกแบบไม่สปอยล์

รับฟังความต้องการของลูก แต่แก้ปัญหาต ามแนวทางของพ่อแม่ ให้ลองรับฟังลูกว่าลูกต้องการอะไร รู้สึกเสียใจเพราะอะไร แม้ว่าความต้องการนั้น ๆ จะไม่มีเหตุผลเลยก็ต าม คุณพ่อคุณแม่ก็ควรรับฟังไว้ และไม่ควรต่อว่าลูกว่าไร้สาระ หรือไม่มีความจำเป็น การเป็นผู้ฟังที่ดี จะทำให้ลูกเกิดความไว้เนื้อเชื่อใจพ่อแม่ และเมื่อรับฟังแล้ว

สิ่งสำคัญหลังจากนั้นคือ แนวทางการช่วยแก้ปัญหาให้ลูก พ่อแม่ควรยึดหลักและกฎเกณฑ์ในบ้านเป็นหลัก ไม่ควรแหวกกฎเกณฑ์เพื่อต ามใจลูก เช่น เมื่อลูกอย ากได้โทรศัพท์มือถือเพราะเพื่อน มีกันหมดแล้ว ให้คุณพ่อคุณแม่รับฟังว่าลูกรู้สึกอย่ างไร ต้องการมากแค่ไหน หลังจากนั้นให้ย้ำถึงกฎเกณฑ์ว่า เราได้ตกลงกันแล้วว่าลูกจะมีโทรศัพท์มือถือได้ เมื่อลูกอยู่ในวัยที่เหมาะสมเท่านั้น เป็นต้น

อย่ ากลัวที่จะให้ลูกผิดพลาด

ผิดเป็นครู ถ้าลูกไม่รู้จักผิดพลาด ผิดหวังเลย จะมีแรงจูงใจอะไรให้พย าย ามทำสิ่งเหล่านั้นให้สำเร็จได้ และลูกจะรู้จักระมัดระวัง ไม่ให้เกิดความผิดพลาดหรือไม่ ถ้าไม่เคยทำผิดเลย ตัวอย่ างเช่น เวลาเล่นเกมกับลูก ไม่จำเป็นต้องยอมแพ้ และให้ลูกชนะทุกครั้ง การให้ลูกรู้จักแพ้บ้าง เพื่อให้ลูกได้พย าย ามทำให้ตัวเองชนะ ก็เหมือนกับการที่พ่อแม่ต่อขั้นบันไดให้ลูกได้ปีนผ่านอุปสรรคต่าง ๆ จนทำสิ่งเหล่านั้นได้สำเร็จนั่นเอง และเมื่อลูกทำสำเร็จได้ด้วยตัวเอง ลูกจะมีความภาคภูมิใจในตัวเอง ( Self-Esteem ) ซึ่งความภาคภูมิใจนี้ จะเป็นผลดีกับชีวิตของลูกในอนาคต

อย่ าสรรเสริญเยินยอลูกจน มากเกินไป

การชื่นชมลูกเพื่อเป็นกำลังใจให้ลูกเป็นสิ่งสำคัญ แต่การชมจน มากเกินไป จนถึงขั้นสรรเสริญเยินยอ ก็อาจจะเป็นการทำร้ า ยลูกได้ เพราะเป็นการส่ งเสริมพฤติก ร รมที่หลงตัวเองจนเกินพอ ดี หรือบางครั้งอาจจะเป็นการกดดันลูกได้ เพราะลูกจะรู้สึกว่า พ่อแม่คาดหวังให้ลูกเป็นแบบนั้น การชมลูกที่ถูกต้อง ควรเน้นที่การชมถึงความพย าย ามของลูก ว่าการที่ลูกทำสิ่งนั้น ๆ สำเร็จได้ เป็นเพราะลูกพย าย าม เช่น เมื่อลูกสอบได้คะแนนดี แทนที่จะชมว่าลูกหัวดี เรียนเก่ง ให้ลองปรับคำพูดเป็น ‘เป็นเพราะลูกพย าย าม ตั้งใจเรียน ตั้งใจทบทวนอ่านหนังสือ เลยทำให้ลูกได้คะแนนดี’ เป็นต้น

รั ก ษ ากฎเกณฑ์ภายในบ้าน

อย่ าปล่อยให้ลูกแหวกกฎเกณฑ์ภายในบ้านซ้ำ ๆ เพราะจะทำให้ลูกลดความเคารพในสิทธิของคนอื่น ๆ การตั้งกฎเกณฑ์ภายในบ้านของทุกบ้าน เป็นเพราะพ่อแม่ต้องการจำลองสถานการณ์ ให้ลูกได้รู้จักกฎของการอยู่ร่วมกันกับคนอื่น ๆ ดังนั้น อย่ าปล่อยให้ลูกทำต ามใจตนเอง เอาตนเองเป็นศูนย์กลาง ไม่ทำต ามกฎเกณฑ์ต่าง ๆ เมื่อต้องอยู่ร่วมกับคนในครอบครัว เพราะหากลูกทำจนชิน

เมื่อลูกต้องออ กไปอยู่ร่วมกับสังคม ลูกจะไม่ได้รับการยอมรับจากคนในสังคมนั่นเอง อ่าน มาถึงตรงนี้ พ่อแม่หล า ยคนอาจจะกลัวจนไม่กล้าต ามใจลูกเลย เพราะกลัวจะเป็นการสปอยล์ลูก อย ากบอ กว่า เราสามารถต ามใจลูกได้นะคะ แต่ควรต ามใจแต่พอ ดี ไม่มากเกินไปหรือน้อยเกินไป ส่วนการจะต ามใจมากน้อยแค่ไหน ให้พิจารณาต ามความเหมาะสมและโอ กาส สิ่งที่สำคัญคือ ควรให้มีการรอคอยบ้างต ามความเหมาะสม ทั้งเรื่องของเล่น ขน ม อย่ าให้ทันทีทุกครั้ง

และเมื่อลูกมีอาการร้องไห้งอแง โวยวาย ให้ตั้งสติก่อนปรับพฤติก ร รมลูก อย่ าใช้อารมณ์ และเน้นใช้ความสม่ำเสมอ นั่นคือ ไม่ให้ความสนใจกับพฤติก ร รมที่ลูกแสดงออ ก หากอยู่ในที่สาธารณะให้พาไปในที่เงียบสงบ ใช้การอธิบายที่นิ่งและมั่นคง ไม่แสดงอารมณ์ เมื่อพ่อแม่แสดงออ กถึงวุฒิภาวะที่มั่นคง อาการงอแงและโวยวายของลูกจะค่อย ๆ ลดลงไป แต่ความรู้สึกถึงความรักจากพ่อแม่จะยังคงอยู่

ที่มา na-aan