วันนี้เราจะพาเพื่อนที่อย ากประสบความสำเร็จในชีวิตไปเรียนรู้ความสำเร็จแบบคนขี้เกียจชอบทำ กับบทความ 4 สิ่งที่คนขี้เกียจชอบทำ พื่อให้ประสบความสำเร็จในชีวิต ไปดูกันว่าต้องทำอย่ างไรบ้างเพื่อเป็นคนที่ขี้เกียจที่ประสบความสำเร็จก่อนใครๆ
หล า ยคนขยัน ทำงานหนัก จนแทบไม่ได้พบครอบครัว แต่ถึงอย่ างนั้นงานที่ทำได้ก็ยังไม่น่าพอใจ ตรงข้ามกับบางคนที่เรารู้สึกว่า เขาทำตัวขี้เกียจ ทำตัวสบายๆ ทำอะไรง่ายๆ แต่งานกลับออ กมาประสบความสำเร็จอย่ างไม่น่าเชื่อคำว่า ‘ขี้เกียจ’ ดูเป็นคำติดลบของคนทำงาน แต่นั่นเป็นเพราะว่าคนส่วนใหญ่ ชอบนำคำว่า ขี้เกียจไปผูกติดกับคำว่า ‘อู้’ ซึ่งความจริงแล้ว
คนขี้เกียจกับคนอู้งาน นั้นไม่เหมือนกันสักนิด เพราะอู้ คือ การหนีจากปัญหาตรงหน้า แต่สุดท้ายเวลาก็หมดลง กล า ยเป็นสิ่งทับถมทำไม่อะไรไม่ทัน แต่คนขี้เกียจจะไม่หลีกหนีปัญหาต่างๆ และพย าย ามทำให้มันเสร็จอย่ างรวดเร็ว จนเป็นนิสัย เพื่อให้มีชีวิตที่สบายๆ อยู่เสมอ
4 เหตุผลต่อไปนี้จะทำให้คุณเข้าใจคนขี้เกียจมากขึ้น พร้อมตอบคำถามที่ว่า ทำไมคนขี้เกียจส่วนใหญ่ถึงประสบความสำเร็จ
1 เพราะคนขี้เกียจรู้เป้าหมาย
คนขี้เกียจรู้เป้าหมายในการลงมือ ทำอะไรบางอย่ างอยู่เสมอ เพราะพวกเขาไม่อย ากเสียเวลาอย่ างไร้ประโยชน์ในการทำอะไร ที่เหนื่อยเปล่าซึ่งไม่เกี่ยวข้องกันพวกเขาจะมุ่งเป้าไปที่จุดหมายแห่งความสำเร็จ โดยไม่ให้สิ่งใดมารบกวนเส้นทาง เรียกง่ายๆ ว่าพวกเขาสามารถตั้งสมาธิกับงานตรงหน้า โดยไม่วอ กแวก แถมยังพย าย ามหาทางลัดเพื่อให้ไปถึงเป้าหมายไวๆ อีกด้วย ถ้าเราได้ร่วมงาน กับคนขี้เกียจกลุ่มนี้ รับรองว่า ไม่เหนื่อยฟรีแน่นอน
2 เพราะคนขี้เกียจชอบพลิกแพลง
คนขี้เกียจส่วนใหญ่ อย ากให้งานเสร็จไวๆ ดังนั้นเมื่อได้รับมอบหมายงาน มา สิ่งแรกที่พวกเขาทำคือ การวางแผนทำงาน โดยหาทางพลิกแพลง มองหาตัวช่วยที่ทำให้ทำงานได้อย่ างรวดเร็ว เช่น การใช้เทคโนโลยีเข้าช่วย การมอบหมายงานให้ผู้อื่น ต ามศักยภาพของพวกเขา
มีความการยืดหยุ่นในการดำเนินงานและชอบปรับเปลี่ยนขั้นตอน เพื่อจะได้มีเวลาไปทำตัวขี้เกียจเพิ่มขึ้นหล า ยคน อาจมองว่างานของคนขี้เกียจคงเป็นงานชุ่ยๆ เพราะทำงานด้วยความขี้เกียจ แต่อันที่จริงแล้ว คนขี้เกียจทุกคนไม่อย ากทำงานซ้ำเดิมไปมาหล า ยครั้ง พวกเขาจึงทุ่มเทให้กับการทำงาน ตั้งแต่ครั้งแรก ดังนั้น เราจึงไม่มีทางได้รับผลงานห่วยๆ จากเหล่าคนขี้เกียจแน่นอน
3 เพราะคนขี้เกียจรู้ว่าเมื่อไรต้องพัก
คนที่ขยันทำงานอย่ างบ้ าคลั่ งอยู่ทำงานดึกดื่นทุกวันทำงานจนตัวเข้าโรงพย าบาล คนเหล่านี้ไม่ได้เรียกว่าเป็นคนรักงาน แต่เราเรียกพวกเขาว่า คนบริหารเวลาไม่เป็นหากเรา ให้คนขยันและคนขี้เกียจทำงานชิ้นเดียวกัน โดยให้เวลาคนละ 1 สัปดาห์ เชื่อไหมว่า ทั้งคู่จะสามารถทำงานได้เสร็จทันก่อนเวลากำหนด แต่สิ่งที่แตกต่างกันคือคนขยันอาจจะหน้าเครี ยดหัวฟู ในขณะที่คนขี้เกียจ
นั้นยังมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า นั่นเป็นเพราะว่า คนขี้เกียจรู้ดีว่าเมื่อไรต้องเร่งแล้วเมื่อไรต้องผ่อน แบบนี้สิ เรียกว่าคนบริหารเวลาเป็นแม้จะอย ากให้งานเสร็จไวๆ เพียงใด แต่คนขี้เกียจก็รู้ขีดจำกัด ของตัวเองดี พวกเขารู้ว่า หากคิดอะไรไม่ออ ก เขาควรพักส มอง อาจใช้เวลานี้เดินเล่น คุยกับผู้อื่นเพื่อหาแรงบันดาลใจ และพวกเขารู้ว่าเวลาไหนควรทำงาน เวลาไหนที่ควรจะนอนหลับเพื่อให้ส มอง ได้คล า ยความตื่นตัว
และร่างก าย ได้ฟื้นฟูจากความเหนื่อยแต่คนขยัน ที่พักผ่อนไม่เป็น เวลาคิดอะไรไม่ออ ก ก็จะดั้นด้นทำไป นอ กจากงานจะออ กมาไม่ดีแล้ว ร่ างก ายและจิตใจ ก็จะต้องแบกรับความเครี ย ด นั้นไปเรื่อยๆ แถมพวกเขาไม่เข้าใจคำว่าพักผ่อนอย่ างแท้จริง ถ้าลองสังเกตดูจะพบว่า คนขยันเวลาเหนื่อยล้าจะชอบทำตัวเอ้อระเหย เอื่อยเฉื่อยนอนดูโทรทัศน์ ความจริงแล้วการนอนหลับต่างหากคือคำตอบหากคุณกำลังเบื่อๆ หัวส มอง ตื้อตันอยู่ล่ะก็ ลองเข้าหาคนขี้เกียจดูสิ พวกเขาช่วยให้คุณกลับมาร่าเริงอีกครั้งได้แน่
4 เพราะคนขี้เกียจเป็นผู้ฟังที่ดี
อาวุ ธ สำคัญอีกอย่ างของคนขี้เกียจ ที่ประสบความสำเร็จคือ หูทั้ง 2 ข้าง พวกเขาทำตัวเป็นผู้รับฟังที่ดี คือ ตั้งใจฟังเรื่องที่คู่สนทนาพูดและไม่พูดแทรกเด็ดข า ด และไม่พูดข่มกลับไปเหมือนว่า รู้เรื่องนั้นอยู่แล้ว ทำแบบนี้ฝ่ายตรงข้ามก็จะรู้สึกดี อย ากคุยด้วย และอย ากช่วยเหลือให้คำแนะนำทีนี้คนขี้เกียจ
จึงสามารถสอบถามข้อมูลเรื่องต่างๆ ได้มาก แล้วนำมาวางแผนพลิกแพลงต ามสไตล์ คนขี้เกียจได้คนประเภทนี้ มักได้รับการเอ็นดู คนรอบข้างให้การสนับสนุ น แถมได้คำแนะนำที่ตรงประเด็นเสมอ โดยที่ไม่ต้องเสียเวลาทำสิ่งที่ไม่ใช่ แน่นอนว่าไม่มีหนทางใดเป็นทางลัดเท่านี้แล้วล่ะ
ที่มา m a s c o o p s, s a b a i l e y