7 ข้ อแก้ให้เลิกคิดมาก ล ดจิตให้ฟุ้งซ่าน

สถานการณ์หล า ย ๆ อ ย่ างในปัจจุบัน โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ อาจทำให้หล า ยคน มีความวิตกกังวล ยิ่งพอต้องกักตัวมาอยู่บ้าน เว้นระยะห่างจากสังคม ก็ยิ่งจมอยู่กับความคิดฟุ้งซ่านไปต่าง ๆ นานา โฟกัสอะไรก็ย ากเป็นเท่าตัว งั้นเอาเป็นว่าลองมาหาวิ ธีล ดจิตฟุ้งซ่าน แก้อาการขี้กังวลของตัวเองในขั้นต้นดูก่อนไหม

แน่นอนว่าตัวคุณเองรู้อยู่แล้ว ว่าการใช้เวลาเป็นชั่ วโมงเพื่อตัดสินใจว่าจะเลือ กกินอะไรดีในมื้อเที่ยงของวันนี้เป็นเรื่องไร้เหตุผล เช่นเดียวกับการใช้เวลานับสัปดาห์เพื่อตัดสินใจว่าจะรับข้ อเสนองานชิ้นนี้ดีไหม หรือใช้เวลาเป็นปีเพื่อคิดว่าจะแต่งงานกับแฟนคนนี้ดีรึเปล่า

คุณอาจจะคิดว่า พอได้แล้วน่าตัดสินใจซะทีเถอะ แต่พอผ่านไปแค่ไม่กี่นาที ความลังเลและความหวั่นวิตกก็เริ่มจู่โจมเข้ามาเรื่อย ๆ แม้คุณจะพย าย ามสร้างภูมิคุ้มกันกับความรู้สึกเหล่านี้บ้างแล้วก็ต าม

ทุกคนคงเคยผ่านสถานการณ์แบบนี้มาแล้ว และมีวิ ธีรับมือที่ต่างกันออ กไป โดยเว็บไซต์ Quora ได้มีคนไปตั้งคำถามว่า ฉันควรแก้นิสัยคิดมากนี้ยังไงดี ซึ่งก็มีผู้คน มากมายที่มาแ ช ร์วิ ธีของตัวเอง พร้อมกับร่วมโหวตคำตอบที่สร้างสรรค์ที่สุด และสามารถสรุปได้เป็น 7 วิ ธีหลัก ๆ ที่จะช่วยให้คุณเลิกเป็นคนคิดมาก ฟุ้งซ่าน และขี้กังวลได้ดังนี้

1. เบี่ยงเบนความคิดของตัวเอง

ฟังดูง่าย ๆ แต่ที่จริงการจดจ่อ กับสองสิ่งไปพร้อมกันนี่มันย ากนะ ลองออ กกำลังกายหรือเล่นเกมดูเมื่อรู้ตัวว่าตนเองกำลังคิดมาก เพื่อสร้างสมดุลระหว่างอารมณ์และร่างกายผู้เชี่ยวชาญหล า ยคนก็เห็นด้วยกับวิ ธีนี้

วิ ธีแก้การคิดมากคือ ให้หากิจก ร ร มที่เบี่ยงเบนความสนใจของคุณ ซึ่งควรเป็น กิจก ร ร มที่ใช้ทั้งร่างกาย ความคิด และการร่วมเล่นกับผู้อื่น เช่น เทนนิส หรือ การเดินเที่ยวกับเพื่อนสักคน

2. เขียนความคิดของตัวเองลงไป

อีกวิ ธีนึง ที่จะช่วยหยุดความคิดฟุ้งซ่านของคุณ ก็คือ การระบายให้กับคนที่มีมุมมองวิ ธีคิดแตกต่างไปจากคุณได้ฟัง หรือจะใช้วิ ธีเขียนระบายความคิดของตัวลงไปในกระดาษแทนก็ได้ เพราะการเขียนทำให้เราคิดอ ย่ างเป็นระบบขึ้น มาก ถ้าคุณเก็บความคิดเหล่านั้นไว้แต่ในหัว นอ กจากมันจะไปสุมกันจนเป็นภูเขาเลากา มันยังทำให้คุณวนกลับมาคิดเรื่องเดิมซ้ำอยู่อ ย่ างนั้นไม่จบสิ้น

3. โฟกัสที่สิ่งที่ทำได้ในปัจจุบัน

อีกหนึ่งวิ ธีแก้นิสัยคิดมากก็คือ เลิกคิดแล้วลงมือทำ อ ย่ าไปโฟกัสในสิ่งที่คุณต้องทำ สิ่งที่ยังไม่ได้ทำ หรือแม้แต่สิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว แต่ให้พุ่งความสนใจไปในที่สิ่งที่สามารถทำได้ในปัจจุบันก็พอ ไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็กแค่ไหนก็ต าม แล้วก็ลงมือทำมันซะ

เปลี่ยนความกังวลใจเกี่ยวกับอนาคตให้กล า ยเป็นการกระทำที่จับต้องได้ ทุกครั้งที่ผมเริ่มกังวลในเรื่องที่ยังมาไม่ถึง ผมจะลุกจากที่ที่นั่งอยู่ เดินไปที่คอมพิวเตอร์และลงมือเขียนหนังสือของผมต่อ เขากล่าว

4. สังเกตความคิดของตัวเอง

ส่วนสำคัญที่สุดของการทำสมาธิคือ การปล่อยให้ความคิดของคุณลอยผ่านไป แทนที่จะไปยึดติดอยู่กับมันหรือพย าย ามที่จะหยุดคิดมันการฝึกสมาธิแบบเจริญสติ เป็นสิ่งที่ช่วยให้คุณ หยุดหมกมุ่นกับเรื่องในอ ดีตได้ โดยให้คุณลองสังเกตการณ์ความคิดของตัวเอง แทนที่จะลงไปหมกมุ่นอยู่กับมัน

สตีฟ จอบvส์ เองก็เคยอธิบายเกี่ยวกับวิ ธีการเช่นเดียวกันนี้ให้ วอลเตอร์ ไอแซ็กซัน ผู้เขียนชีวประวัติของเขาฟัง ดังนี้ ลองนั่งอยู่เฉย ๆ แล้วสังเกตความคิดของตัวเองดู คุณจะรู้เลยว่าความคิดมันไร้ขอบเขตจริง ๆ และเวลาที่คุณพย าย ามทำให้มันนิ่ง ก็มีแต่จะแย่ลงเท่านั้น แต่จิตใจของคุณจะสงบลงเองเมื่อเวลาผ่านไปสักพัก และเมื่อจิตใจของคุณสงบแล้วมันก็จะมีที่ว่างในการรับฟังสิ่งที่ละเอียดอ่อนยิ่งขึ้น

5. กำหนดช่วงเวลาสำหรับ การหยุดใช้ความคิด

การกำหนดโซน หยุดใช้ความคิด ช่วยห้ามไม่ให้คุณหมกมุ่นกับปัญหาอ ย่ างใดอ ย่ างหนึ่งมากเกินไป เช่น การไม่คิดเกี่ยวกับเรื่องย าก ๆ หลังเวลาสองทุ่มเพื่อไม่ให้มัน มารบกวนเวลานอนหลับ ให้แบ่งเวลาไว้ประมาณ 20 นาทีต่อวัน

สำหรับการสะท้อนความคิดของตัวเองภายในยี่สิบนาทีนี้ ปล่อยให้ตัวเองวิตกกังวล ครุ่นคิด ฟุ้งซ่านได้เต็มที่ต ามต้องการ แล้วพอหมดเวลา ก็ให้เปลี่ยนไปทำสิ่งอื่นที่มีประโยชน์กว่า ถ้าคุณเริ่มคิดมากนอ กช่วงเวลาที่กำหนดไว้เมื่อไหร่ ก็ให้เตือนตัวเองว่า ค่อยเอาเก็บไปคิดในช่วงเวลาที่กำหนดดีกว่า

6. เคารพความคิดเห็นของตัวเอง

เหตุที่คุณยังคงคิดมากจนไม่ยอมตัดสินใจ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะคุณไม่เชื่อว่าตัวเองจะตัดสินใจเลือ กสิ่งที่ถูกต้อง จงเรียนรู้ที่จะเคารพความคิดเห็นของตัวเอง ยิ่งคิดมากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งลังเลในความคิดของตัวเองมากเท่านั้น

7. คุณสามารถเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจที่ผิ ดพลาดได้

เป็นเรื่องปกติที่จะกังวลว่าคุณเลือ กงานผิ ด แต่งงานกับคนที่ไม่ใช่สำหรับตัวเอง หรือแม้แต่ขับรถกลับบ้านผิ ดทาง แต่ความผิ ดพลาดก็ไม่ได้นำไปสู่ห า ยนะเสมอไป แถมยังเป็นโอกาสให้ได้เรียนรู้และเติบโตขึ้นด้วย การตระหนักได้ว่าตัวเองทำอะไรพลาด แล้วปรับมุมมองการมองโลกใหม่ได้ จะเป็นจุดเริ่มต้นของความคิดสร้างสรรค์และนวัตก ร ร มใหม่ๆ

การคิดมากมักเป็นเพราะคุณคิดว่ามันเป็นการตัดสินใจครั้งสุดท้ายของคุณ เปลี่ยนแปลงไม่ได้และต้องถูกต้องเท่านั้น ซึ่งจริงๆ แล้ว คุณไม่ต้องกังวลกับความผิ ดพลาดเลย และให้เข้าใจไว้ว่าความคิดเห็นหรือความรู้ของคุณนั้น มันเปลี่ยนแปลงได้เสมอต ามกาลเวลา แล้วคุณจะรู้สึกสงบและเป็นอิสระจากภายในอ ย่ างแท้จริง

ที่มา health.kapook forlifeth