8 หลักคิดเลี้ยงลูกให้เป็นคนเชื่อฟัง ไม่ต่อต้าน

วันนี้เราอย ากที่จะพาเพื่อนๆ ไปเรียนรู็ข้อคิดการเลี้ยงลูกให้เป็นคนเชื่อฟังพ่อแม่ กับบทความ 8 หลักคิดเลี้ยงลูกให้เป็นคนเชื่อฟัง ไม่ต่อต้าน ไปดูกันว่าจะต้องทำอย่ างไรบ้าง

ยิ่งลูกโตขึ้น การหวังลูกให้เป็นเด็ก เชื่อฟังว่านอนสอนง่าย ยิ่งกล า ยเป็นเรื่องย ากเพราะลูกเริ่มมีความคิดและความต้องการเป็นของตัวเอง บางครั้งลูกสนใจสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามากกว่า หรือบางครั้งลูกก็ไม่อย ากคุย ไม่อย ากทำในสิ่งที่พ่อแม่ต้องการ จึงใช้วิธีทำหูทวนลม และเพิกเฉยต่อคำพูดของคุณพ่อคุณแม่ และนั่นอาจจะทำให้คุณสติแตกได้

1 สอนด้วยการเป็นแบบอย่ างให้ลูกเห็น

เด็กวัย 3 – 6 ขวบ มักจะลอ กเลียนแบบพฤติก ร รมของคนใกล้ชิด โดยไม่สามารถแยกแยะได้ ควรหรือไม่ควร เลียนแบบพฤติก ร รมอะไรทำให้หล า ยครั้งลูกเผลอลอ กเลียนพฤติก ร รมไม่ดี ของผู้ใหญ่ หรือคุณพ่อคุณแม่เมื่อถูกตำหนิและต่อว่า ลูกจึงไม่เข้าใจว่าา ‘ ทำไมคุณพ่อคุณแม่ยังทำได้เลย’ การทำให้ลูกเกิดความสงสัย โดยไม่ได้รับการอธิบายบ่อยครั้ง เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ลูกเริ่มไม่อย ากที่จะเชื่อฟังพ่อแม่อีกต่อไป

สิ่งที่ควรทำ= ลูกเรียนรู้จากการกระทำ ได้ดีกว่าคำพูด ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ต้องเป็นตัวอย่ างให้ลูกเห็น มากกว่าการออ กคำสั่งว่าลูกควรทำอะไร หรือห้ามว่าไม่ควรทำอะไร

2 สอนให้ลูกใช้ความคิดแก้ปัญหา ด้วยตัวเอง

ประโยคคำสั่ง อย่ า! ไม่! ห้าม! ทำให้ลูกรู้สึก ว่าตัวเองไม่ได้เรื่อง ทำอะไรก็ไม่ดีโดนห้ามตลอ ด ส่ งผลต่อให้ลูกข า ดความเชื่อมั่นในตัวเองกล า ยเป็นคนไม่มั่นใจกลัวผิด และไม่กล้า ที่จะคิดริเริ่มอะไรใหม่ๆ

สิ่งที่ควรทำ= ฝึกให้ลูกใช้ความคิดและแก้ปัญหาด้วยตัวเอง ยกตัวอย่ างเช่น ‘ ไปเก็บของเล่นสิลูก’ เป็น ‘ ไหนลูกลองคิดสิว่า จะเอาตุ๊กต าตัวนี้ไปเก็บไว้ไหนรถของเล่นนี้ล่ะเอาไปไว้ไหนดี’ นอ กจากนี้ ควรหากิจก ร รมสนุกๆ ทำร่วมกันกับลูกเมื่อคุณพ่อคุณแม่เห็นลูกทำไม่ถูกต้อง จะได้สอนลูกให้คิดแก้ปัญหาและสอ ดแทรกเรื่องของคุณธรรม จริยธรรมเข้าไปได้ด้วย

3 ฟังสิ่ง ที่ลูกต้องการจะบอ ก

บางครั้งสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่คิดก็ไม่ได้ถูกต้อง เสมอไป เพราะเด็กแต่ละคน มีความคิดเป็นของตัวเอง

สิ่งที่ควรทำ= ถามให้รู้ว่าลูกคิดอะไร ทำไปเพราะ อะไร มีอะไรอยู่ในใจ และตั้งใจฟังสิ่งที่ลูกพูดเพื่อช่วยให้ลูกผ่อนคล า ยความกังวล และค่อยๆ เปลี่ยนความคิดของลูกให้ถูกต้อง

4 ไม่ใช้อารมณ์หรือเพิกเฉยความต้องการของลูก

เด็กวัย 2-3 ขวบ ยังไม่สามารถฟังและทำต ามคำสั่งหล า ย อย่ างในเวลาเดียวกันได้จนทำให้พ่อแม่ใช้อารมณ์กับลูกหรือไม่สนใจลูกเลย

สิ่งที่ควรทำ= คอยจับสังเกตว่าลูกต้องการสื่อสารอะไร อาจใช้วิธีถามซ้ำๆเพื่อยืนยันในสิ่งที่ลูกทำ รวมถึงเมื่อต้องการ ให้ลูกทำอะไรพ่อแม่ควรพูดกับลูกให้ชัดเจนสั้น และกระชับใจความ

5 สอนด้วยคำพูด น้ำเสียงและสายต าแห่งความรัก

เมื่อไรก็ต ามที่ลูกทำผิด หรือไม่ทำต ามสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่บอ ก คุณอาจจะอ ดไม่ได้ที่จะตะคอ กลูกด้วยคำพูดแรงๆ และไม่สนใจฟังในสิ่งที่ลูกอย ากอธิบาย การขึ้นเสียงหรือตะคอ กอาจทำให้ลูกสงบลงได้ก็จริง แต่ในอนาคตลูกก็จะทำผิดซ้ำอีกอยู่ดี

สิ่งที่ควรทำ= เริ่มจากดึงความสนใจของลูกด้วยการ ‘ เรียกชื่อลูก’ ใช้คำพูดง่ายๆเพื่อให้ลูกทบทวนในสิ่งที่ทำผิด และใช้น้ำเสียงที่หนักแน่นแต่ไม่ดุดัน เช่น ถ้าลูกกำลังกินขน มอยู่และมีเศษขน มตกพื้น แทนที่พ่อแม่จะดุที่ลูกทำขน มหกหล่นลงพื้น

ลองเปลี่ยนเป็นบอ กทางป้องกันและแก้ปัญหา เช่น ‘ ขน มที่หกลงพื้นแล้วลูกต้องเก็บไปทิ้งลงในถังขยะ ให้เรียบร้อยนะครับและคุณแม่คิดว่าลูกควรเอาจาน มารอง เพื่อขน มจะได้ไม่หกลงพื้นต่อไป’ นอ กจากคำพูดกับน้ำเสียงแล้ว ภาษากายก็มีส่วนสำคัญในการช่วยให้ลูกรับฟังมากขึ้น คุณพ่อคุณแม่ควรย่อตัวให้สูงเท่าลูก มองลูกด้วยสายต าแห่งรัก และตั้งใจฟังสิ่งที่ลูกพูด

6 สอนด้วยการมีข้อตกลงร่วมกัน

เด็กทุกคน มีสิ่งที่ชอบ และไม่ชอบของตัวเอง บ่อยครั้งที่คุณพ่อคุณแม่ ให้ลูกทำสิ่งที่ไม่ชอบนานจนลูกต่อต้าน

สิ่งที่ควรทำ= เด็กวัย 2 – 3 ขวบ เป็นวัยแห่งการต่อต้าน การให้ข้อเสนอเพื่อเป็นข้อตกลงร่วมกัน ลดการโต้เถียงหรือ การชวนทะเลาะลงได้ เช่น ‘ ถ้าลูกช่วยแม่เก็บเสื้อผ้าแม่จะเล่านิทาน ให้ฟัง’ หรือให้ทางเลือ กอื่น ที่ไม่ใช่การลงโทษ เช่น ‘ ถ้าไม่ทำแม่จะตี’ เป็น ‘ ถ้าช่วยแม่ พ่อ กลับมาเราจะได้กินข้าวกันเร็วขึ้น’

7 สอนด้วยการใช้เทคนิคที่เข้าใจง่าย

เด็กอาจจะยังฟังประโยคย าวๆ หรือหล า ยคำสั่งพร้อมกันไม่เข้าใจ

สิ่งที่ควรทำ= ใช้เทคนิคสอนให้ลูกจำง่ายขึ้น ยกตัวอย่ างเช่น ‘ มีมือเอาไว้ช่วยเหลือไม่ใช่เพื่อเอาไว้ตี’ หรือ พูดให้ตื่นเต้นเร้าใจ เช่น ‘ วันนี้ทำอะไรที่โรงเรียนบ้ าง’ เปลี่ยนเป็น ‘ เล่าให้ฟังหน่อยวันนี้ทำอะไรสนุกสุด’ และหลีกเลี่ยงคำว่า ‘ ไม่’ หรือ ‘ ห้าม’ เพราะทำให้ลูกไม่อย ากทำต าม เช่น ‘ ห้ามดื้อ’ เปลี่ยนเป็น ‘ แม่ชอบลูกตอนที่เชื่อฟังแม่ที่สุดเลย’ นอ กจากนี้ คุณพ่อคุณแม่อาจเปลี่ยน มาใช้การให้คะแนนหรือสติ๊กเกอร์เพื่อให้ลูกมีเป้าหมายในการเชื่อฟังคุณมากขึ้น

8 หาสาเหตุของการไม่เชื่อฟัง

ถ้าลูกเป็นเด็กเชื่อฟัง คุณพ่อคุณแม่มาตลอ ด แต่บางครั้งที่ไม่เชื่อฟังอาจเป็นเพราะกำลังโ ก รธเศร้าเสียใจ หรือต้องการให้พ่อแม่เอาใจมากขึ้น เช่น มีน้องเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ ในบ้ านถูกกลั่นแกล้งหรือล้อเลียนตอนอยู่ที่โรงเรียน

สิ่งที่ควรทำ= พูดคุยและหาคำตอบ สาเหตุที่ลูกไม่เชื่อฟัง และบอ กรักลูกให้ลูกเชื่อมั่นว่ามีพ่อแม่อยู่ข้างๆ เสมอ นอ กจากนี้ควรสังเกตทัศนคติ วิธีคิดและการพูดของลูก เพื่อที่จะเข้าใจลูกมากขึ้น

ที่มา b o u t m o m, s a b a i l e y